การเลี้ยงลูกด้วยใจ เข้าใจโดยไม่ตี

การเป็นพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยึดมั่นมาตลอด คือ "ไม่เคยตีลูกเลย" และผมเชื่อว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในการเลี้ยงดูลูกของผม

1. เข้าใจลูกก่อนจะสอน

เด็กทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องดื้อ หรือซน สิ่งที่ผมทำคือ ฟังลูกให้จบก่อน ถามเขาว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แล้วค่อยๆ อธิบายให้เขาเข้าใจว่าอะไรถูก อะไรผิด แทนที่จะตัดสินใจใช้ไม้แข็ง

ตัวอย่างง่ายๆ คือเวลาลูกทำของหกเลอะเทอะ ผมไม่ได้ดุ แต่จะบอกว่า "คราวหน้าเราทำแบบนี้จะดีกว่า" แล้วสอนวิธีแก้ปัญหา เช่น เช็ดทำความสะอาดด้วยกัน

2. ให้โอกาสลูกได้เลือก

ผมชอบให้ลูกเลือกในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น จะกินอะไร จะใส่เสื้อแบบไหน เพราะผมเชื่อว่าเด็กที่ได้เลือกจะรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง และเมื่อเขารู้สึกว่าเรายอมรับความคิดเห็นของเขา เขาก็จะฟังเรามากขึ้นเวลาสอน

3. เป็นตัวอย่างที่ดี

เด็กเรียนรู้จากสิ่งที่เรา ทำ มากกว่าสิ่งที่เรา พูด ผมพยายามแสดงให้ลูกเห็นว่าการควบคุมอารมณ์สำคัญแค่ไหน ถ้าผมหงุดหงิด ผมจะบอกเขาตรงๆ ว่า "พ่ออารมณ์ไม่ดี ขอเวลาสักพักแล้วเดี๋ยวเราคุยกัน" การทำแบบนี้ทำให้ลูกเรียนรู้ว่าความรู้สึกไม่ใช่เรื่องผิด แต่เราต้องจัดการมันให้ถูกทาง

4. สร้างความสัมพันธ์แทนความกลัว

ผมไม่อยากให้ลูกกลัวผม แต่ผมอยากให้เขารู้ว่าเขาสามารถพึ่งพาผมได้เสมอ ผมจะกอดเขา บอกเขาว่าผมรักเขา แม้ในวันที่เขาทำผิด เพราะเด็กจะพยายามทำดีเพื่อคนที่เขารัก มากกว่าทำดีเพราะกลัวถูกลงโทษ

5. ผลลัพธ์ที่ได้

ลูกของผมเริ่มเรียนรู้ที่จะพูดคุยด้วยเหตุผล กล้าบอกความรู้สึกของตัวเอง และผมก็รู้สึกว่าเราเข้าใจกันมากขึ้นทุกวัน การเลี้ยงลูกด้วยใจไม่ได้ทำให้เขาเป็นเด็กดื้อ แต่ทำให้เขารู้จักตัวเอง และเคารพคนรอบข้าง


คุณเองก็ทำได้
สุดท้ายนี้ อยากให้ทุกคนลองเปิดใจ ปรับเปลี่ยนวิธีเลี้ยงลูกจากการใช้อารมณ์ มาเป็นการพูดคุยด้วยเหตุผล แล้วคุณจะเห็นว่าความรักและความเข้าใจสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากกว่าที่คิด 😊

#เลี้ยงลูกด้วยใจ
#เลี้ยงลูกเชิงบวก
#พ่อแม่ยุคใหม่
#เข้าใจลูก
#เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ
#พ่อแม่ไม่ตีลูก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อายุ 15 ทำงานอะไรได้บ้าง ที่มีรายได้

เครียดปรึกษาใครไม่ได้ มาทางนี้

5 เหตุผลที่ทำให้ชีวิตมีค่า